วิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต
ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
ในยุคแห่งสังคมข่าวสารเช่นปัจจุบัน การสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเป็นลำดับเครือข่ายคอมพิวตอร์ให้แลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกันได้โดยง่าย ในปัจจุบันมี เครือข่ายคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันในชื่อของ"อินเทอร์เน็ต"(Internet) จัดว่าเป็น เครือข่ายที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในยุคของสังคมข่าวสารปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตมีขอบข่ายครอบ คลุมพื้นที่แทบทุกมุมโลกสมาชิกในอินเทอร์เน็ตสามารถใช้คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ที่จุดใด ๆ เพื่อส่งข่าวสารและข้อมูลระหว่างกันได้ บริการข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีหลากรูปแบบและมีผู้นิยมใช้ ้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน จากการคาดการณ์โดยประมาณแล้วปัจจุบันมีเครือข่ายทั่วโลกที่เชื่อมเข้าเป็น อินเทอร์เน็ตราว 45,000 เครือข่าย จำนวนคอมพิวเตอร์ในทุกเครือข่ายรวมกันคาดว่ามีประมาณ 4 ล้านเครื่อง หรือหากประมาณจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกคาดว่ามีประมาณ 25 ล้านคน และ มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เราจึงกล่าวได้ว่า อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายมหึมาที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางที่สุด มีการขยายตัวสูงที่สุด และมีสมาชิกมากที่สุดเมื่อเทียบกับเครือข่ายอื่นที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน พัฒนาการของอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตมิได้เป็นเครือข่ายที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเจาะจงหากแต่มี ประวัติความเป็นมาและมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การเกิดของเครือข่ายอาร์พาเน็ต ในปี พ.ศ.2512 ก่อนที่จะก่อตัวเป็น อินเทอร์เน็ตจนกระทั่งถึงทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตมีพัฒนาการมา จากอาร์พาเน็ต ( ARPAnet ) ซึ่งเป็น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายใต้การรับผิดชอบของ อาร์พา ( Advanced Research Projects Agency ) ในสังกัดกระทรวงกลาโห ของสหรัฐอเมริกา อาร์พาเน็ตในขั้นต้นเป็นเพียงเครือข่ายทดลองที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นการสนับสนุนงานวิจัยด้านการทหารและโดยแท้แล้วอาร์พาเน็ตเป็นผลพวงมาจากการเมืองโลกในยุคสงครามเย็นระหว่างค่ายคอมมิวนิสต์และค่ายเสรีประชาธิปไตย ในทศวรรษของปี พ.ศ.2510 นับเป็นเวลาแห่งความตึงเครียดเนื่องจากภาวะสงครามเย็นระหว่างประเทศ สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศผู้นำกลุ่มเสรีประชาธิปไตยได้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการทดลองเพื่อค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีด้านระบบคอมพิวเตอร์ช่วงท้ายของทศวรรษ 2510 ห้องปฏิบัติการวิจัย ในสหรัฐ ฯ และในมหาวิทยาลัยใหญ่ ๆล้วนแล้วแต่มีคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยในยุคนั้นติดตั้งอยู่
สำหรับคำว่า internet หากแยกศัพท์จะได้ออกมา 2 คำ คือ คำว่า Inter และคำว่า net ซึ่ง Inter หมายถึงระหว่าง หรือท่ามกลาง และคำว่า Net มาจากคำว่า Network หรือเครือข่าย เมื่อนำความหมาย ของทั้ง 2 คำมารวมกัน จึงแปลได้ว่า การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ตามโครงการ ของอาร์พาเน็ต ถูกก่อตั้งเมื่อประมาณปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา
ในปี พ.ศ.2512 นี้เองที่ได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิด จาก 4 แห่ง เข้าหากันเป็นครั้งแรก คือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยยูทาห์ เครือข่ายทดลองประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปี พ.ศ.2518 จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งานจริง ซึ่ง DARPA ได้โอนหน้าที่รับผิดชอบ โดยตรง ให้แก่ หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ แต่ในปัจจุบัน Internet มีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหาร เครือข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society) ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ใน Internet, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ ใช้กับ Internet ซึ่งเป็นการทำงานโดยอาสาสมัคร ทั้งสิ้น
พ.ศ.2526 DARPA ตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ ทำให้เป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่าย Internet จนกระทั่งปัจจุบัน จึงสังเกตุได้ว่า ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่จะต่อ internet ได้จะต้องเพิ่ม TCP/IP ลงไปเสมอ เพราะ TCP/IP คือข้อกำหนดที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทุก platform คุยกันรู้เรื่อง และสื่อสารกันได้อย่างถูกต้อง
วิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ต
ในสมัยแรกๆ อินเตอร์เน็ตได้ถูกใช้ในหมู่นักวิจัยเท่านั้น การใช้งานค่อนข้างยาก ต้องพิมพ์คำสั่งยาวๆ ไม่มีรูปภาพสวยงามเหมือนในปัจจุบัน บริการที่นิยมใช้กันในสมัยนั้นได้แก่ จดหมายอิเล็กทรอนิคส์ (Email) แหล่งพูดคุย (IRC , USENET) การเข้าใช้เครื่องที่อยู่ระยะไกล (Telnet) การใช้งานฐานข้อมูลระยะไกล (WAIS , Archie) และ Veronica และใช้ในการส่งไฟล์ระหว่างหน่วยงานรัฐ บริษัท และมหาวิทยาลัย (FTP และ Gopher)
อินเตอร์เน็ตยุคใหม่ ที่มีรูปภาพสวยงามและใช้งานง่าย เพิ่งกำเนิดขึ้นมาในปี 2534 นี้เอง บริการแรกที่ถูกเปลี่ยนมาใช้ในแบบนี้ คือ WWW (World Wide Web) ซึ่งได้กลายมาเป็นบริการหลักของอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน
ระบบอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย
โครงสร้างของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย (พ.ย. 2545) ปัจจุบันประกอบด้วย ISP 18 ราย และผู้ให้บริการแบบไม่หวังผลกำไรอีก 4 ราย แต่มีรูปแบบช่องรับ/ส่งสัญญาณที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ ISP ทุกราย (ทั้งเชิงพาณิชย์และไม่หวังผลกำไร) จะต้องเช่าช่องสัญญาณจากจากผู้ให้บริการวงจรสื่อสาร อีกต่อหนึ่ง โดยแบ่งเป็น
- ช่องสัญญาณการเชื่อมต่อภายในประเทศ - ISP สามารถเลือกเช่าช่องสัญญาณได้โดยเสรี ทั้งจาก ทศท., กสท., TelecomAsia, DataNet โดยวงจรของทุกราย จะเชื่อมต่อกับจุดแลกเปลี่ยนสัญญาณภายในประเทศ เพื่อความรวดเร็วในการแลกเปลี่ยนข้อมูล นั่นคือ การติดต่อสื่อสารระหว่างคู่สื่อสารในประเทศไทย สามารถทำได้สะดวก ไม่ว่าคู่สื่อสารนั้น จะใช้บริการของ ISP รายใดก็ตาม ทั้งนี้จุดแลกเปลี่ยนในปัจจุบันได้แก่ IIR (Internet Information Research) ของเนคเทคและ NIX (National Internet Exchange) ของ กสท.
วิวัฒนาการของอินเตอร์เน็ตในประเทศไทย
อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT)ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย อาจารย์กาญจนา กาญจนสุต นำมาใช้สอนนักศึกษา นับได้ว่า อาจารย์กาญจนา เป็นบุคคลแรกที่เริ่มใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์รายแรกของประเทศไทย แต่ในครั้งนั้นยังเป็นการเชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการถาวร
พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (Nectect) ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมมือกันเช่าสายโทรศัพท์เพื่อต่อพ่วงคอมพิวเตอร์แต่ละสถาบันเข้าด้วยกันโดยเรียกเครือข่ายสมัยนั้นว่า"เครือข่ายไทยสาร"
พ.ศ.2537เครือข่ายไทยสารเติบโตขึ้นเรื่อยๆและมีหน่วยงานต่างๆของราชการเข้ามาเชื่อมต่อในเครือข่ายมากขึ้นเรื่อยๆ และต่อมาทางหน่วยงานเอกชนมีความต้องการใช้บริการมากขึ้นการสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงได้ร่วมมือกับบริษัทเอกชน เปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่บริษัทต่างๆหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจ โดยเรียกบริษัทเอกชนที่ให้บริการทางอินเทอร์เน็ต เชิงพาณิชย์ว่า ISP (Internet Service Provider)
พ.ศ. 2538 รัฐบาลไทย เปิดบริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ โดยมีบริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศไทย จำกัด อันเป็นบริษัทถือหุ้นระหว่างการสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยใช้สายเช่าครึ่งวงจรขนาด 512 Kbps ไปยัง UUNet โดยถือว่าเป็นบริษัทผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตรายแรกของประเทศไทย และได้เพิ่มจำนวนจนเป็น 18 บริษัทในปัจจุบัน
บริการต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ต
เครือข่ายอินเตอร์เนต เป็นเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงกันไปทั่วโลก ในแต่ละเครือข่ายก็จะมีเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ ซึ่งเรียกว่า เซิร์ฟเวอร์ (server) หรือ โฮสต์ (host) เชื่อมต่ออยู่ เป็นจำนวนมาก ระบบคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะให้บริการต่างๆ แล้วแต่ลักษณะ และจุดประสงค์ที่เจ้าของ เครือข่ายนั้น หรือเจ้าของระบบคอมพิวเตอร์นั้นตั้งขึ้นในอดีต มักมีเฉพาะบริการเรื่องข้อมูลข่าวสารและ โปรแกรมที่ใช้ในแวดวงการศึกษาวิจัยเป็นหลัก แต่ปัจจุบัน ก็ได้ขยายเข้าสู่เรื่องของการค้าและธุรกิจ แทบจะทุกด้านบริการต่างๆ บนอินเตอร์เนต อาจแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ใหญ่ ๆ ดังนี้
1. บริการด้านการสื่อสาร
- ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อรับ-ส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือ E-mail กับผู้ใช้อินเตอร์เนตทั่วโลกกว่า 20 ล้านคนได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและยังสะดวก รวดเร็ว ทันใจด้วย
- สนทนาแบบออนไลน์ ผู้ใช้บริการสามารถคุยโต้ตอบกับผู้ใช้คนอื่นๆ ในอินเตอร์เนตได้ ในเวลาเดียวกัน (โดยการพิมพ์ทางคีย์บอร์ด) ซึ่งก็สนุกและรวดเร็วดี บริการสนทนาแบบออนไลน์นี้ เรียกว่า Talk เนื่องจากใช้โปรแกรมที่ชื่อว่า Talk ติดต่อกัน หรือจะคุยกันเป็นกลุ่มหลาย ๆ คน ในลักษณะ ของ Chat (Internet Relay Chat หรือ IRC) ก็ได้
- Newsgroup เป็นการให้บริการในลักษณะที่แบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ จำนวนหลายพันกลุ่ม เรียกว่า กลุ่ม Newsgroup ทุกๆ วัน จะมีผู้ส่งข่าวสารกันผ่านระบบดังกล่าว โดยแบ่งแยกออกตามกลุ่มที่สนใจ เช่น กลุ่มผู้สนใจศิลปะ, กลุ่มผู้สนใจเพลงร็อค เป็นต้น
- Telnet ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นซึ่งตั้งอยู่ไกลออกไป ก็สามารถใช้ บริการ Telnet เพื่อใช้งานเครื่องดังกล่าวได้เหมือนกับเราไปใช้เครื่องนั้นเอง โดยจำลองคอมพิวเตอร์ ของเราให้เป็นเสมือนจอภาพบนเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นได้
- FTP บริการโอนย้ายไฟล์ข้อมูล ถ้าผู้ใช้ต้องการโอนย้ายไฟล์ข้อมูลหรือไฟล์โปรแกรมต่างๆ ก็อาจเรียกใช้ FTP หรือ File Transfer Protocol ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ติดต่อเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการใน อินเตอร์เนต และดาวน์โหลดหรือโอนย้ายไฟล์ที่ผู้ใช้ต้องการมาใช้ ได้
2. บริการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ
- อินเตอร์เนต World Wide Web เป็นบริการที่แพร่หลายและขยายตัวเร็วที่สุดบนอินเทอร์เน็ต เรา สามารถที่จะไปดูข้อมูลต่างๆ ได้ทั่วโลก เช่น ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์, ธุรกิจ, การศึกษา, มหาวิทยาลัย, โรงเรียน ต่างๆ ภาพยนตร์ ดนตรี และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งปัจจุบันมีการผนวกรูปภาพ , เสียง , ภาพ เคลื่อนไหว ที่เราเรียกว่า เป็นแบบมัลติมีเดีย ได้ และสามารถเชื่อมโยงไปยังเอกสารหรือข้อมูลอื่นๆได้โดยตรง
- Gopher เป็นบริการค้นหาข้อมูลแบบตามลำดับขั้น ซึ่งมีเมนูให้ใช้งานได้สะดวก ลักษณะการใช้งาน จะคล้ายคลึงกับส่วนของ World Wide Web โดยผู้ใช้สามารถเลือกเข้าไปดูตามหัวข้อที่มีอยู่ลึกลงไปได้ อีก แต่ข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นในเชิงวิทยาศาสตร์และการ วิจัย
คำศัพท์ที่เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต
Browser : โปรแกรมที่มีไว้สำหรับชมข่าวสารต่างๆ หรือที่เรารู้จักกันในระบบ WWW บนอินเตอร์เน็ต เนื่องจากข้อมูลที่มาจากเครือข่ายนั้น เป็นเพียงไฟล์ภาษา HTML และไฟล์ต่างๆ ที่ยังไม่ได้รับการประมวลผล ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องผ่านโปรแกรมเบราเซอร์นี้เสียก่อน ท่านจึงจะสามารถชมเว็บไซต์ต่างๆ บนอินเตอร์เนตได้ ตัวอย่างของเว็๋บเบราเซอร์ยอดนิยมก็คือ Internet Explorer , Netscape Communicator , Opera , Neoplanet หรือถ้าเป็นของไทยก็โปรแกรม ไทยเบราเซอร์ เป็นต้น
Client : คือ คอมพิวเตอร์ตัวลูก หรือคอมพิวเตอร์ในส่วนของผู้ใช้บริการที่มีการ เชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์อีกตัวหนึ่งที่เรียกกันว่า ตัวแม่ ( Server Host ) หรือ คอมพิวเตอร์ผู้ให้บริการ ในส่วนของ อินเตอร์เนต คือ คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในบ้านหรือว่าสำนักงานที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ตัวแม่ ที่ศูนย์ของผู้ให้บริการ อินเตอร์เนต ( ISP )
DNS ( Domain Name Server ) : โดยมากหมายถึง ชื่อหรือว่ารหัสของศูนย์คอมพิวเตอร์ ของผู้ที่ให้บริการอินเตอร์เนต เช่น www.ksc.net เป็นต้น
Freeware : คำนี้มักจะเห็นในเว็บบ่อย จริงๆแล้วมันคือ โปรแกรมที่ดาวน์โหลด ไปแล้ว ไม่เสียเงินนั่นเองโปรแกรมนั้นจะแจกแล้วแจกเลย
Homepage : คือ หน้าแรกสุดของเว็บไซต์ต่างๆ ประหนึ่งห้องรับแขก หรือว่า ห้องแรกในบ้านหรือเว็บไซต์ นั้นๆ กล่าวคือ เมื่อเราเรียกชื่อเวบต่างๆ ขึ้นมาชม หน้าแรกที่คุณพบนั้นคือ โฮมเพจ นั่นเอง
Server : มีความหมายคล้ายกับ Host เพียงแต่ Server จะหมายถึง คอมพิวเตอร์ ตัวแม่ ที่เชื่อมเครือข่ายกับคอมพิวเตอร์ ตัวลูก ในลักษณะส่วนตัวหรือว่าระบบที่แคบกว่า Host
World Wide Web : หรือเรียกย่อ ๆ ว่า WWW เป็นระบบการสืบค้นข้อมูล ข่าวสาร ซึ่งจัดได้ว่าเป็นบริการ ที่ได้รับความนิยมที่สุด และการขยายตัว ของบริการชนิดนี้ก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าสู่บริการเรียกค้นข้อมูล World Wide Web แล้ว ผู้ใช้จะได้รับข่าวสารที่แสดงใน แบบสื่อผสม (Multimedia) ประกอบด้วยรูปภาพ, เสียง, ภาพเคลื่อนไหว, หรือวิดีโอ,ตัวอักษรข้อความ Hypertext ทำให้การ ใช้บริการง่ายขึ้น แต่ส่วนที่สำคัญอีก 2 ส่วน ในการใช้บริการ World Wide Web ก็คือตัวโปรแกรมที่เรียกว่า browser หรือ Web browser และแหล่งข้อมูลหรือ Web Site ที่จะคอยให้บริการแก่ผู้ใช้
Web Site หรือ Web Server : ก็คือ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการเรียกค้นข้อมูลแบบหนึ่งในอินเตอร์เน็ต ถ้าอธิบายง่ายๆ Web Site ก็คือ สถานที่ที่เก็บข้อมูลซึ่งข้อมูลที่เก็บอยู่ใน Web Site จะอยู่ในรูปของเอกสาร HTMLเป็นข้อมูลแบบมัลติมิเดียที่มีทั้งตัวอักษร ข้อความ รูปภาพ เสียง หรือแม้กระทั่งภาพเคลื่อนไหวแบบวิดีโอซึ่งเราเรียกเอกสารดังกล่าวว่า Home page หรือ Web page
Web Browser : ก็คือ โปรแกรมพิเศษที่เราต้องอาศัยมันเพื่อที่จะเรียกค้นข้อมูลขึ้นมา
Hypertext : คือ ตัวอักษรข้อความที่มีการเชื่อมโยงถึงกันได้ ข้อความที่เป็น Hypertext สังเกตได้จาก ถ้าเราชี้ไปที่ข้อความแล้วปรากฎรูปมือขึ้นมา แสดงว่าเราสามารถที่จะ link เข้าไปดูข้อมูลได้อีก
Nexus 7000 เทคโนโลยีเพื่ออนาคต
ในยุคที่โลกของการสื่อสารมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ประกอบกับความต้องการเข้าถึงข้อมูลของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มและตอบสนองความต้องการใช้ชีวิตให้ได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น ขอแนะนำเทคโนโลยีที่ช่วยรองรับการใช้อินเทอร์เน็ตในรูปแบบ Streaming
Nexus 7000 เป็น platform switch layer 3 แบบ Module รุ่นล่าสุดจาก Cisco ที่รองรับการขยายงานสำหรับเครือข่ายอีเธอร์เน็ตขนาด 10 กิกะบิต ในปริมาณอินเทอร์เฟสจำนวนมาก ด้วยระบบโครงสร้างในการเชื่อมต่อสูงสุด 15 เทราบิตต่อวินาทีในแชสซีเดียวกัน และยังสามารถรองรับการเชื่อมต่ออีเธอร์เน็ตได้ 40 กิกะบิตต่อวินาที และสูงสุดถึง 100 กิกะบิตต่อวินาทีสำหรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
โดยวันนี้ทรูอินเทอร์เน็ต ได้ทำการติดตั้ง Nexus 7000 เสร็จสิ้นแล้วเป็นรายแรกในเอเชีย ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น Core Network ที่จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับโครงข่ายอินเทอร์เน็ต ที่ปัจจุบันกลุ่มทรูเป็นผู้นำ เนื่องจากเห็นว่าปริมาณความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้งานในรูปแบบ streaming ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง หรือการดาวน์โหลดข้อมูลแบบ real time ซึ่งอินเทอร์เน็ตจะต้องเร็วและมีความเสถียรที่สูง ดังนั้นการติดตั้ง Nexus 7000 ในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าของทรูอินเทอร์เน็ต สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างคล่องตัวและมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น จึงสบายใจได้ว่าไม่ว่าช่วงเวลาไหน คุณจะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างไม่มีวันสะดุด ด้วยองค์ประกอบสำคัญของ Nexus 7000 ก็คือซอฟต์แวร์ NX-OS ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานกับ switch layer 2, Protocol routing layer 3 รวมไปถึงเทคโนโลยีเสมือนจริง (virtualization) ขั้นสูงบนระบบปฎิบัติการที่มีเสถียรภาพ โดยมีคุณสมบัติใหม่ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามา อาทิ สามารถทำการ upgrade ได้โดยไม่ทำให้บริการหยุดชะงัก รองรับ แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในอนาคตรวมไปถึงความสามารถ context อุปกรณ์แบบ virtual ที่ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น









